ผบ.มทบ.32 สนับสนุนกำลังพลฯ เลี้ยง "ไข่ผำ" สร้างอาชีพเสริม พืชน้ำที่มากด้วยโภชนาการทางอาหาร เลี้ยง-ดูแลง่าย รายได้ดี

ผบ.มทบ.32 ส่งเสริมกำลังพลเลี้ยงไข่ผำจำหน่ายเป็นอาชีพเสริม สร้างรายได้งามเดือนละกว่าหมื่นบาท ลงทุนครั้งเดียวเก็บขายได้ทุกสัปดาห์สินค้าไม่พอจำหน่าย

            พื้นที่ว่าง ภายใน มทบ.32 ค่ายสุรศักดิ์มนตรี พลตรี วิชาญ ศรีภัทรางกูร ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 32 พร้อมด้วยพันเอก ประณต ศิริพันธ์ รองเสนาธิการมณฑลทหารบกที่ 32 ได้ให้การสนับสนุนกำลังพลให้มีอาชีพที่2 ภายใต้โครงการทหารพันธุ์ดี ใช้เวลาว่างหลังจากเลิกงาน เพื่อสร้างรายได้เสริมให้กับครอบครัว โดยการสร้างโรงเรือนเลี้ยงไข่ผำในระบบปิด ป้องกันแมลงที่จะมารบกวน ได้มาตรฐาน สะอาด โดยเริ่มเลี้ยงจำนวน 3 บ่อ ขนาด 2x4 เมตร ซึ่งขณะนี้ได้เริ่มจำหน่ายแล้ว และสามารถสร้างรายได้ให้กับกำลังพลได้จริง

            จ่าหมี กำลังพลซึ่งเป็นผู้ดูแลหลักในการเลี้ยงไข่ผำ บอกว่า ผบ.มทบ.32 ได้ให้ความสนใจการเลี้ยงไข่ผำ ได้ศึกษาหาความรู้และนำมาถ่ายทอดให้กับตนเองและกำลังพลที่สนใจ ซึ่งตนเองก็สนใจและได้ลงมือเลี้ยงไข่ผำ จนสามารถจำหน่ายได้แล้ว

            จ่าหมี เล่าถึงวิธีการเลี้ยงว่า เลี้ยงง่าย เหมาะสำหรับผู้สูงอายุที่เกษียณอายุ หรือ คนที่ไม่มีเวลา งานไม่หนัก ดูแลง่าย ต้นทุนก็ไม่มาก เหมาะสำหรับเลี้ยงไว้รับประทานเอง หรือ จำหน่ายก็ได้ ส่วนภาชนะที่จะนำมาเลี้ยงก็หาได้จากที่บ้าน ง่ายๆ เช่นกะละมัง กล่องโฟมเก่า ใช้ได้ทั้งหมด แต่หากใครที่มีทุนและอยากทำให้ได้มาตรฐานเพื่อจำหน่ายก็ทำเป็นโรงเรือนแบบปิดเพื่อป้องกันแมลง ยุงที่จะไปวางไข่ในน้ำ และเพื่อความสะอาด ส่วนน้ำที่ใช้ก็เป็นน้ำบาดาลหากเป็นน้ำประปาก็ควรทิ้งไว้ให้คอลรินละเหยก่อน จากนั้นก็นำไข่ผำมาปล่อย ปัจจุบันใช้สายพันธุ์โกลโบซ่า ซึ่งราคาก็ไม่แพงกิโลกรัมละ 20 บาท (สำหรับสมาชิกในเครือข่ายยังสมาร์ทฟาร์มเมอร์) ใช้1กิโลกรัม ต่อ1ตารางเมตร จากนั้นกิจวัตรประจำวันก็ง่ายๆ ก็เติมอาหารคือน้ำหมักธรรมชาติที่ทำเองเพื่อความปลอดภัยเมื่อสังเกตุว่าสีไข่ผำเริ่มซีดๆก็เติมอาหาร และ ทุกวันก็จะมาตีผำ (ตีน้ำ) เพื่อกระตุ้นอ๊อกซิเจนและให้ไข่ผำแตกตัว ซึ่งไม่ยุ่งยาก

            ส่วนการเปลี่ยนน้ำที่เลี้ยงก็ใช้การสังเกตุหากน้ำเริ่มมีสีขุ่นก็ให้เปลี่ยนน้ำใหม่เพราะไข่ผำชอบน้ำที่สะอาด หลังจากนั้นก็รอเก็บผลผลิตทุกสัปดาห์ โดยการใช้กระซอนตักขึ้นมาแล้วล้างน้ำสะอาด 3 ครั้ง ผึ่งให้สะเด็ดน้ำก่อนบรรจุในกล่องขนาด 250 กรัม จำหน่ายในราคากล่องละ 50 บาท  1 กิโลกรัม ก็จะได้ 200 บาท 1 ตารางเมตรจะได้ผำ2กิโลกรัม แต่ละเดือนก็จะมีรายได้หลักหมื่นบาทแบบสบายๆ ซึ่งแต่ละสัปดาห์ก็มีลูกค้าสั่งจองจนหมด สินค้ามีไม่พอจำหน่าย หากใครที่สนใจต้องการซื้อสามารถมาซื้อได้ที่ตลาดนัดค่ายสุรศักดิ์มนตรีทุกเย็นวันพุธ หรือ โทรสั่งจองได้ที่ โครงการทหารพันธุ์ดีค่ายสุรศักดิ์มนตรี ติดต่อ 095-451-1343 นางสาววิไลวรรณ (นุ่น)

            สำหรับ ไข่ผำ หรือ ที่เรียกกันว่า คาเวียเขียว เป็นพืชน้ำพื้นบ้านไม่มีรากมีใบขนาดเล็กเพียง 1 มิลลิเมตร ลักษณะเป็นเม็ดกลมเล็กๆสีเขียวเกาะตัวกันเป็นแพร่คล้ายสาหร่าย ชอบอาศัยในน้ำสะอาด แพร่พันธุ์เร็ว เพียง2คืนก็สามารถขยายพันธุ์ได้ถึง2เท่าตัว เป็นพืชน้ำที่อุดมด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์และคุณค่าทางโภชนาการ จนได้รับการขนานนามว่าเป็น ซูเปอร์ฟูด (Superfood) เพราะไข่ผำมีโปรตีนและเบต้าแคโรทีนสูง มีโอเมกา 3 และ 6 และยังมีคลอโรฟิลล์สูง รสชาติจืด มัน  ยังมีสรรพคุณช่วยรักษาอาการท้องผูกและรักษาภาวะซีด ส่วนใหญ่จะรู้จักในภาคเหนือ และ ภาคอีสาน นิยมนำมาทำอาหารทั้งอาหารคาวและอาหารหวาน เช่น คั่วไข่ผำ ไข่เจียวไข่ผำ แกงคั่วกุ้งไข่ผำ และปัจจุบันยังนำมาทำอาหารฟิวชั่นใหม่ เช่น ซอสสเปรดไข่ผำเพื่อรำมาราดบนหน้าขนมปังแทนแยม หรือนำมาทำน้ำสลัด ฯลฯ ก็อร่อยเช่นกัน

            ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 32  กล่าวว่า เดิมมีโครงการทหารพันธุ์ดีปลูกพืชผักเป็นหลักอยากให้มีแหล่งอาหารโปรตีนเพิ่ม ที่เพิ่งผ่านมาโครงการเลี้ยงสัตว์ เราได้เลี้ยงสัตว์ด้วยอาหารเม็ดซึ่งมันไม่คุ้มทุน จนมาเจอ ไข่ผำน่าสนใจ ก็เลยมาส่งเสริมให้กำลังพลเลี้ยงเพื่อให้มีอาชีพเสริม มีรายได้เพิ่มขึ้น ให้มีอาหารโปรตีนในค่ายมากขึ้น ซึ่งหากประชาชนที่สนใจก็จะเปิดให้เข้ามาเรียนรู้ได้ในอนาคต