พารู้จัก อินทผาลัมเนื้อเยื้อ สายพันธุ์อิหร่านแท้นำเข้า 200 ต้น ทั่วประเทศ ปลูกที่ "สวนปางหนาอินทผาลัม" 5 ต้น พร้อมออกผลให้ได้ชิมแล้ว รสชาติดี สีสันสวย ไม่ผิดหวัง พร้อมเปิดสวนให้ชิมกัน 19 ก.ค.นี้  

Last updated: 13 ก.ค. 2567  |  178 จำนวนผู้เข้าชม  | 

พารู้จัก อินทผาลัมเนื้อเยื้อ สายพันธุ์อิหร่านแท้นำเข้า 200 ต้น ทั่วประเทศ ปลูกที่ "สวนปางหนาอินทผาลัม" 5 ต้น พร้อมออกผลให้ได้ชิมแล้ว รสชาติดี สีสันสวย ไม่ผิดหวัง พร้อมเปิดสวนให้ชิมกัน 19 ก.ค.นี้  


 

 


อินทผาลัม ถือเป็นผลไม้มหัศจรรย์แม้ว่าเมื่อสุกจะมีรสชาติที่หวานมาก แต่มากด้วยคุณประโยชน์มากมาย เป็นผลไม้ที่มีไขมันต่ำ และไม่มีคอเลสเตอรอล วิตามี แคลเซียม ให้พลังงานสูง เหมาะกับผู้ที่ลดความอ้วนเพราะช่วยให้อิ่มท้องนาน แถมมีไฟเบอร์สูงอีกด้วย เหมาะสำหรับคนที่รักสุขภาพอย่างมากค่ะ เพราะหลังโควิดผู้คนหันมาดูแลสุขภาพ หันมาทานผักผลไม้ แต่ผลไม้ส่วนใหญ่ก็จะมีน้ำตาล แต่วันนี้เราอยากพาไปรู้จักผลไม้ชนิดนี้ให้มากขึ้น นั่นคืออินทผาลัมกินผลสด แม้จะหวานแต่มากด้วยคุณประโยชน์ต่อร่างกาย

วันนี้พามาที่สวนอินทผาลัมที่ชื่อว่า สวนปางหนาอินทผาลัม อยู่ที่บ้านรวมชัย ม.10 ต.นิคมพัฒนา อ.เมือง จ.ลำปาง ถนนเส้นลำปาง-แจ้ห่ม ซ้ายมือวิ่งรถเลียบคันคลองประทานมาตามป้ายสวน จนถึงมูลนิธิณัฐภูมิเลี้ยวเข้ามาตามทางถนนลูกรังอีก 700 เมตร ก็จะเจอสวนปางหนา  ที่อื่นๆก็ปลูกแต่ที่นี่พิเศษ เพราะเราจะพามาชิมสายพันธุ์โคไนซี่เนื้อเยื้อที่นำเข้ามาจากประเทศเจ้าของพันธุ์โดยตรง คือนำเข้ามาจากประเทศอิหร่าน มีเพียง 200 ต้นทั่วประเทศ และ 5  ต้น ปลูกอยู่ที่สวนปางหนาแห่งนี้นี่เอง วันนี้พามาดูและชุม เพราะมีอายุครบ 130 วันแล้ว พร้อมรับประทานผลสดสำหรับใครที่ชอบหวานประมาณ 70-80% แต่หากใครที่ชอบหวานจัดก็รอให้ครบ 150 วัน และวันนี้ทั้ง 5 ต้น ผลผลิตเต็มต้น สีสันแดงสด ลูกใหญ่เนื้อแน่น หวาน กรอบ ไม่ติดฝาด แม้แต่น้อย 


คุณเกรียติวุฒิ คุณชนิดา ไวสติ  เจ้าของสวนปางหนา เล่าว่า ก่อนที่จะหันมาปลูกอินทผาลัม ซึ่งปีนี่ปลูกได้ 8 ปี  เก็บผลผลิตได้ปีนี่เป็นปีแรก เนื่องจากเดิมพื้นที่แห่งนี้เคยทำนาปลูกข้าวและเป็นป่าไผ่ รวมพื้นที่ 30 ไร่ แต่ได้ผลผลิตไม่ค่อยดี จึงมองหาพืชชนิดใหม่ประกอบกับลำปางอากาศร้อน แต่ดินดีน้ำดี จึงมาลงตัวที่อินทผาลัมเพราะทนแล้ง ทนแดด และที่นี่เป็นดินภูเขาไฟ  จึงได้ทอลองปลูกอินทผลัม ทั้งหมด 600 ต้น โดยใช้ต้นเนื้อเยื้อจากแลป อังกฤษ และ  UAE  ทั้งหมด100% มีเกือบ 10 สายพันธุ์ แต่สายพันธุ์หลัก คือ โคไนซี่แดง จีทู บาฮีแดง บาฮีเหลือง อัมเอ็ดดาฮาน บาฮีจะมีเยอะสุดคือ 400 ต้น ที่เหลือก็ผสมกันไป การใช้กล้าพันธุ์เนื้อเยื้อจะทำให้ได้ขนาดรสชาติ สีสัน คงที่ 99% เมื่อกินผลสด และทางสวนมีพันธุ์โคไนซี่เนื้อเยื้อจากแลปอิหร่านแท้นำเข้ามาจากประเทศอิหร่าน(ตอปิโด) ได้มาปลูกเพียง 5 ต้น จากนำเข้ามาทั้งหมดรุ่นแรก 200 ต้น ที่กระจายปลูกไปหลายจังหวัด ซึ่งถือว่าโชคดีมาก
 เจ้าของสวนบอกอีกว่าสำหรับอินทผาลัมที่ปลูกในสวนจะดูแลเอง ทุกขั้นตอน ไม่ยาก เพราะอินทผาลัมเป็นพืชที่ไม่ชอบน้ำขัง แต่ก็ขาดน้ำไม่ได้ ต้องให้น้ำ 3 วันครั้ง ครั้งๆละ 200 ลิตร ต่อต้น น้ำถือเป็นสิ่งสำคัญ เมื่ออินทผาลัมเริ่มเข้าสีก็จะงดน้ำ  ส่วนปุ๋ยเน้นมูลสัตว์แต่ต้องนำมาหมักก่อน ผสมกับอินทรีย์เคมี ปลอดภัยตามมาตรฐาน GAP ปุ๋ยดี น้ำดี แดดดี จึงทำให้ผลผลิตปีแรกปีนี้ติดลูกทุกต้น แต่ละต้นมีมากถึง 15 จั่น (ทลาย) จั่นใหญ่มีน้ำหนัก 10 กิโลกรัม ขึ้นไป ลูกสวย เท่าเหรียญ10บาท เนื้อแน่น สีสวย หวาน กรอบ ฉ่ำ ทางสวนพร้อมเปิดเข้าชมสวนและชิมอินทผาลัมได้ในวันที่ 19 ก.ค.นี้ เป็นต้นไป พร้อมรับโปรโมชั่นได้ที่หน้าสวน พันธุ์สีแดง กิโลกรัมละ 300 บาท บาฮีเหลือง กิโลกรัมละ 200 บาท จนกว่าจะหมดสวนรุ่นแรก มีจำนวนจำกัด


ทั้งนี้คุณเกียรติวุฒิ ได้แนะวิธีกินอินทผาลัมผลสดให้อร่อยว่า จะต้องกัดตามขวางหรือแนวยาวของลูก และต้องกัดทีละครึ่งลูก จากนั้นก็เคี้ยว เหมือนเคี้ยวหมากฝรั่ง เพื่อให้ได้รสชาติที่กล่อมกล่อมเพราะความหวานหัวท้ายจะผสมกันทำให้ได้รสหวานที่เสมอกัน อร่อยมาก

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้