Last updated: 19 ต.ค. 2567 | 86 จำนวนผู้เข้าชม |
เย็นวันนี้ ( 18 ต.ค.) ที่ โรงพยาบาลห้างฉัตร นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.กระทรวงสาธารณสุข ได้เดินทางมาพร้อมคณะ เพื่อพบปะให้กำลังใจ อสม.ในพื้นที่อำเภอห้างฉัตร ที่มาต้อนรับกว่า200 คน พร้อมมอบชุดช่วยเหลือให้กับผู้ประสบภัย โดยมีนางสาวนิติยา พงษ์พานิช รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง กล่าวต้อนรับพร้อมกล่าวรายงานว่า จังหวัดลำปาง ได้รับผลการทบจากอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม ระหว่างวันที่ 27 สิงหาคม - 5 ตุลาคม 2567 ทั้งหมด 4 ระลอก จากร่องมรสุม พายุยางิ พายุซูลิก และพายุกระท้อน ทำให้มีฝนตกหนัก น้ำป่าไหลหลาก ในพื้นที่จังหวัดลำปาง ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน ทรัพย์สิน เส้นทางสัญจร และพื้นที่ทางการเกษตร อีกทั้งยังพบผู้เสียชีวิต จำนวน 5 ราย บาดเจ็บ 29 ราย ในด้านการแพทย์และสาธารณสุข กลุ่มเปราะบางที่ได้รับผลกระทบและได้รับการดูแล ทั้งหมด 4,437 ราย การคัดกรองสุขภาพจิตในประชาชนที่ได้รับผลกระทบ พบมีภาวะเครียดสูง 35 ราย เสี่ยงฆ่าตัวตาย 1 ราย ได้รับการส่งต่อพบแพทย์ 19 ราย จากสถานการณ์ดังกล่าวจังหวัดลำปางได้ดำเนินการเปิดศูนย์พักพิง 11 แห่ง มีประชาชนเข้ารับบริการทั้งหมด 212 คน มีการให้บริการเยี่ยมบ้าน ให้สุขศึกษา ตรวจรักษา และ มอบชุดดูแลสิ่งแวดล้อม
สำหรับพื้นที่อำเภอห้างฉัตร เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2567 ได้รับผลกระทบจากพายุซูลิก เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก เข้าท่วมในพื้นตำบลเวียงตาล ตำบลห้างฉัตร และตำบลปงยางคก ประชาชนได้รับความเสียหาย 1,900 หลังคาเรือน พบผู้เสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บ 5 ราย และมีสถานบริการสาธารณสุขได้รับผลกระทบ 1 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านข่วง ในพื้นที่มีกลุ่มเปราะบาง ทั้งหมด 1,550 ราย ได้รับผลกระทบ 16 ราย จังหวัดลำปาง ได้ดำเนินการจัดทีมแพทย์ดูแลศูนย์พักพิงชั่วคราว จำนวน 2 แห่ง มีผู้มารับบริการ 102 คน และจัดหน่วยแพทย์ลงพื้นที่ประเมินและดูแลสุขภาพจิตใจผู้ประสบภัย ให้บริการเยี่ยมบ้าน ตรวจรักษา และแจกยาชุดน้ำท่วม 8 รายการ จำนวน 399 ชุด เฝ้าระวังโรคระหว่างเกิดน้ำท่วมและหลังน้ำท่วม ซึ่งในปัจจุบันสถานการณ์เข้าสู่สภาวะปกติ และอยู่ระหว่างการสำรวจความเสียหาย ให้ความช่วยเหลือ เยียวยาประชาชน ที่ได้รับผลกระทบในทุกด้านต่อไป
โดยนายสมศักดิ์ ได้บอกว่านายรัฐมนตรีได้กำชับและติดตามการช่วยเหลือ เยียวยา ผู้ประสบอุทกภัย โดยได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เยียวยาผู้ประสบภัยให้เสร็จสิ้นภายในเดือนนี้ ส่วนการทำงานของ หน่วยงานด้านสาธารณสุขที่เข้าไปเยียวยาในพื้นที่ทำได้ดีแล้วแต่ก็คงต้องทำต่อไปอีกระยะหนึ่ง ส่วนถึงความคืบหน้าของ พรบ.อสม.ที่กำลังเตรียมนำเข้าสภาฯ เพื่อรับรองสถานภาพ การพัฒนาศักยภาพ รวมถึงสิทธิประโยชน์และการยกระดับอื่นๆ ช่วย อสม. ที่มีวุฒิการศึกษาที่สามารถเรียนต่อได้เป็นผู้ช่วยพยาบาล หรือบุตรหลานอีกด้วย รวมถึงกองทุนต่างๆที่จะมาช่วย อสม.