เข้าเงื่อนไข !!! เจ้าหน้าที่สำนักงานยุติธรรมชี้ กรณีชาวบ้านชุมชนหนองสง 13 ครอบครัว เดือดร้อนจากกรณีเอกชนก่อกำแพงปิดทางเข้า-ออกทางสาธารณะที่ใช้มากว่า100ปี ได้รับความช่วยเหลือจากกองทุนยุติธรรมในกาต่อสู้คดีทั้งหมด รอนำเรื่องเข้าสู่ คกก.ระดับจังหวัด

Last updated: 5 มิ.ย. 2567  |  456 จำนวนผู้เข้าชม  | 

เข้าเงื่อนไข !!! เจ้าหน้าที่สำนักงานยุติธรรมชี้ กรณีชาวบ้านชุมชนหนองสง 13 ครอบครัว เดือดร้อนจากกรณีเอกชนก่อกำแพงปิดทางเข้า-ออกทางสาธารณะที่ใช้มากว่า100ปี ได้รับความช่วยเหลือจากกองทุนยุติธรรมในกาต่อสู้คดีทั้งหมด รอนำเรื่องเข้าสู่ คกก.ระดับจังหวัด



 

 


วันนี้ ที่ชุมชนหนองสง ซึ่งตั้งอยู่ในเขตเทศบาลนครลำปาง และกำลังเดือดร้อนกรณีถูกเอกชนรายหนึ่งที่เข้ามาซื้อที่ข้างเคียงและทำการก่อกำแพงปิดทางเข้าออกของชาวบ้าน ซึ่งเป็นทางสาธารณะที่ชาวบ้านใช้สัญจรเข้าออกมากว่า100ปี ผู้เฒ่าผู้แก่ผู้ป่วยติดเตียงก็ต้องมุดรั้วเข้าออกอย่างน่าเวทนา นั้น สำนักงานยุติธรรมจังหวัดลำปาง นำโดยนายพนมศักดิ์ ทิพย์นวล  พนักงานคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ นางสาวพิมพ์ภา คำลือปลูก นิติกรฯ ได้ลงพื้นที่เพื่อเก็บข้อมูลทั้งหมดจากชาวบ้านชุมชนหนองสงและตรวจสอบพื้นที่จริง โดยมีชาวบ้านในชุมชนรวมถึงลูกหลานที่เคยอยู่อาศัยในชุมชนแห่งนี้มาก่อน เข้าให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่พร้อมนำเอกสารหลักฐานต่างๆมามอบให้กับเจ้าหน้าที่


หนึ่งในลูกหลานที่เคยอยู่อาศัยในชุมชนแห่งนี้ตั้งแต่สมัยปู่ ได้เล่าว่าเดิมบริเวณชุมชนเป็นทุ่งนาและหนองน้ำมีเพียงคนในชุมชนเท่านั้นที่อาศัยอยู่ ปู่เคยเล่าให้ฟังว่าทางที่ใช้เดินเข้าออกเดิมทางรถม้าวิ่ง นั่นก็หมายความว่ารถม้ามีมากว่า100ปีแล้ว เนื่องจากสมัยก่อนมีถนนเพียงเส้นเดียวซึ่งก็คือถนนพหลโยธินที่เข้าออกชุมชนซึ่งกำลังเป็นข้อพิพาทอยู่ในขณะนี้ ส่วนถนนดวงรัตน์มาสร้างภายหลัง ชาวบ้านจึงใช้ทางเข้าออกชุมชนทางออกถนนพหลโยธินเป็นหลักมาโดยตลอดไม่เคยมีปัญหาใดๆ ตนเองก็ยังเคยเข็นรถเข็นขายโรตี ใส้ปิ้ง ออกไปขายของที่ถนนก็ผ่านทางตรงนี้ ส่วนที่กำลังเกิดข้อพิพาทขึ้นนี้ตนเองก็เพียงอยากได้ทางสาธารณะของชาวบ้านคืนเท่านั้นไม่ได้จะไปเอาชนะเจ้าของพื้นที่ซึ่งก็ไม่รู้ว่าได้มาในช่วงไหน แต่พื้นที่ตรงนี้เป็นทางสาธารณะจริงๆ บางคนบอกว่าชาวบ้านบุกรุกอยากบอกว่าชาวบ้านไม่ได้บุกรุก อยากรู้เหมือนกันว่าบุกรุกแบบไหน แต่จุดนี้คือทางสาธารณะเดิมและยิ่งรู้ว่าคู่กรณีเป็นหมอด้วยก็อยากให้มีจรรยาบรรณหน่อยไม่ได้ว่าไม่ดีแต่อยากเตือนว่าอะไรที่ให้ชาวบ้านได้ก็ควรให้



ขณะที่เจ้าหน้าที่สำนักงานยุติธรรมจังหวัดลำปาง ได้กล่าวภายหลังตรวจสอบพื้นที่แล้วว่า การลงพื้นที่ในวันนี้เนื่องจากได้รับหนังสือจากสำนักงานคณะกรรกมรสิทธิมนุษยชนแหงชาติ ให้เข้ามาช่วยเหลือตามภารกิจหน้าที่ จึงได้ลงมาดูว่าความเดือดร้อนขณะนี้เกิดจากสาเหตุใด โดยภาระกิจแล้วจะมีอยู่2 ภารกิจคือ 1.การไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ในกรณีที่เป็นข้อพิพาทระหว่างเอกชนกับเอกชน แต่ทางนี้ต้องด้วยความสมัครใจทั้ง2ฝ่ายซึ่งทั้งนี้ก็จะเชิญคู่กรณีเข้ามาไกล่เกลี่ยก่อน หากไม่สมัครใจก็จะยกเลิก 2.ก็จะเป็นกองทุนยุติธรรมช่วยเหลือด้านการดำเนินคดีให้ฟรี แต่มีหลักเกณฑ์คือ ยากจน โอกาสชนะคดี ไม่ไปละเมิดสิทธิผู้อื่น เราถูกผู้อื่นละเมิดสิทธิ โดยเฉพาะได้รับผลกระทบเป็นกลุ่มประชาชนแบบนี้ส่วนใหญ่ก็จะได้รับความช่วยเหลือ ซึ่งจะมีคณะอนุกรรมการกองทุนยุติธรรม 12 ท่านโดยมี ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปางเป็นประธาน ซึ่งก็จะนำเรื่องเข้าสู่อนุกรรมการพจารณาต่อไป ซึ่งการลงพื้นที่ก็เห็นแล้วว่าชาวบ้านลำบากการเข้าออกจริง โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ผู้ป่วย ซึ่งเบื้องต้นก็ถือว่าเข้าหลักเกณฑ์ในการที่จะเข้ามาให้ความช่วยเหลือ


สำหรับความคืบหน้าที่ชาวบ้านได้ร้องขอความช่วยเหลือไปยังสำนักงานอัยการจังหวัดลำปาง ล่าสุดทางสำนักงานอัยการได้สอบข้อเท็จจริงทั้งสำนักงานที่ดิน เทศบาลนครลำปาง ถึงที่มาของทางสาธารณะดังกล่าวเสร็จสิ้นแล้วและได้ส่งรายงานข้อเท็จจริงทั้งหมดไปยังอธิบดีอัยการภาค5เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และขระนี้อยู่ระหว่างการเชิญเจ้าของที่ดินเดิมที่ขายที่ดินให้เอกชนรายดังกล่าว และ เอกชนที่ซื้อมาให้ข้อมูล ซึ่งทางอัยการได้มีหนังสือเชิญเจ้าของที่ดินเดิมไปแล้ว1ครั้งแต่ยังไม่มา ซึ่งขณะนี้กำลังจะออกหนังสือเชิญเป็นครั้งที่2

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้